TreasurePlanet World Travel Agency

ต้อง ‘อร่อย’ ขนาดไหน ถึงจะได้ “Michelin star” ?

“รสชาติ” แน่นอนว่าต้องความอร่อยต้องมาก่อน! รวมถึงความแปลก หรือ Unique สุดๆ แบบที่ใครได้มากินก็ต้องร้องว้าว! และอาจจะกลับไปบอกต่อเพื่อนๆ ได้ ซึ่ง Michelin Star ก็ให้ความสำคัญกับสิ่งนี้เป็นอันดับแรกๆ ในการประเมินเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของความพิถีพิถัน การรังสรรค์เมนู และขั้นตอนในการเสิร์ฟ ที่ได้คิดมาแล้วว่าต้องเป็นไปตามลำดับขั้นตอนนี้ ถึงจะได้รสชาติอาหารที่ “อร่อย” ที่สุด“ความสดใหม่” เรื่องต่อมาคือความสดของวัตถุดิบที่นำมาใช้ประกอบในการทำอาหาร ซึ่งจะต้องมีความสดใหม่ให้ได้มากที่สุด เพื่อดึงเอารสชาติที่ดีที่สุดของเมนูนั้นๆ ออกมา โดยเรื่องนี้คณะกรรมการของ Michelin Star ก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กับเรื่องของรสชาติ เพราะจะทำให้รู้ว่าร้านอาหารนั้นๆ มีความใส่ใจ ในการเลือกวัตถุดิบมากน้อยเพียงใด“ความรักในการทำอาหาร” บางคนอาจจะงงว่าพูดถึงเรื่องอะไร? ซึ่งนอกเหนือจากรสชาติความอร่อยแล้ว เรื่องที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “ความรัก” ในการทำอาหารของเชฟคนนั้นๆ เพราะด้วยความรักและความใส่ใจนี้เอง ที่จะทำให้ทุกๆ คำที่ลูกค้าได้ทานเข้าไป สามารถเปลี่ยนจากอาหารในจานธรรมดาๆ ให้กลายมาเป็น “ความสุข” ของลูกค้าได้ และสิ่งนี้ก็จะเป็นตัวช่วยอย่างมาก ที่ทำให้ร้านอาหารนั้นๆ ได้รับความประทับใจจากลูกค้า และกลับมาทานซ้ำแล้วซ้ำอีก “ความคุ้มค่า” ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ‘อาหารดีๆ’ ก็เช่นกัน! ซึ่งทาง Michelin Star ก็เล็งเห็นถึงความสำคัญของสิ่งนี้เป็นอย่างดี โดยจะประเมินดูว่า ราคาที่จ่ายไปนั้น สิ่งที่ได้รับกลับมามีความคุ้มค่าหรือไม่ เช่น ถ้าเป็นอาหารจานหรู หรือราคาแพง ก็จะดูตั้งแต่วัตถุดิบที่นำมาใช้ในการทำอาหาร ไปจนถึงความครีเอท ว่าสามารถนำวัตถุดิบนั้นๆ มารังสรรค์เมนูได้อย่างเยี่ยมยอดมากน้อยแค่ไหน และสมเหตุสมผลกับราคาหรือไม “การรักษามาตรฐาน” ร้านอาหารหรือภัตตาคารที่ได้รับการติดดาวจาก Michelin Star แล้ว ก็ใช่ว่าจะไม่มีวันถูกประเมินอีก! เพราะทางมิชลินสตาร์ จะทำการสุ่มตรวจอยู่เสมอ เพื่อตรวจสอบดูว่าร้านอาหารที่ได้รับการรับรองไปแล้ว ยังสามารถรักษามาตรฐานในการทำอาหารได้อยู่หรือไม่ ทั้งในแง่ของรสชาติ วัตถุดิบ การบริการ รวมไปจนถึงบรรยากาศโดยรอบของร้าน ซึ่งหากร้านอาหารนั้นๆ มาตรฐานตก ก็อาจจะถูกคืนดาวได้ หรือร้านไหนที่คะแนนดีขึ้น ก็อาจจะมีการพิจารณาเพิ่มดาวให้ก็เป็นได้